การใช้สีเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก
ใช้สีน้ำเงิน ผสม เอิร์ทโทน ทำให้ห้องดูเป็นระเบียบ |
ปัจจุบันพัฒนาการของเจ้าตัวเล็กสามารถเสริมสร้างได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหาร เล่นดนตรี ฟังเพลง อ่านหนังสือ เล่นเกม หรือของเล่นต่างๆ ซึ่งอาจมาในรูปแบบที่แตกต่างกันไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ทราบหรือไม่ว่านอกจากวิธีทั้งหมดที่กล่าวมา ยังมีวิธีง่ายๆ อีกวิธีหนึ่งที่บางครั้งเรามองข้ามไป นั่นก็คือ 'สี'นั่นเอง
โดยทั่วไปแล้วสีมีส่วนช่วยให้เราจดจำสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือไฮไลต์ตัวหนังสือด้วยปากกาสี การแบ่งหน้าหนังสือด้วยการใช้กระดาษสี รวมไปถึงการแปะกระดาษสีสันต่างๆ เพื่อเตือนความจำ สำหรับเด็กๆ พวกเขาจะจดจำสิ่งต่างๆ ได้จากสีของวัตถุนั้นๆ โดยปกติแล้วเด็กจะเริ่มสังเกตความแตกต่างของสีได้เมื่ออายุประมาณ 4 เดือน โดยแยกเป็นแม่สีง่ายๆ เพียงไม่กี่สีก่อน จากนั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ อาจสังเกตได้จากการที่เด็กแยกของเล่นเป็นกลุ่มตามสีต่างๆ ดังนั้นสีของห้อง อุปกรณ์ตกแต่งห้อง หรือของเล่นที่มีสีสันสะดุดตา เช่น สีแดง สีเหลือง สีชมพู จึงดึงดูดความสนใจจากเด็กได้มากกว่าสีที่จืดชืดหรือมืดจนเกินไป นอกจากสีที่สดใสจะทำให้เด็กอารมณ์ดีแล้ว ยังช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางสมองที่ดีขึ้นอีกด้วย การตกแต่งห้องของเด็กจึงควรเลือกสีที่เหมาะสมเพราะสีสามารถส่งผลต่ออารมณ์ของเด็กได้เช่นกัน
ใช้สีขาวเป็นพื้นให้ดูสงบ - เตียงสีเหลืองตัดกับสีขาว ทำให้ดูโดดเด่น |
ใช้สีฟ้าทำให้ห้องดูสงบ เสาตกแต่งเป็นต้นไม้ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ |
ใช้สีเขียวพาสเทล ทำให้ห้องดูนุ่มนวล เด็กก็จะหลับสบาย |
แทรกเฟอร์นิเจอร์สีไม้บีช ไปตัดกับสีม่วงทำให้ดูโดดเด่น |
เจ้าตัวน้อยกับสีที่แตกต่าง
· สีขาว ทำให้รู้สึกสงบ สถานรับเลี้ยงเด็กส่วนมากจึงเลือกตกแต่งห้องนอนของเด็กด้วยโทนสีขาว ซึ่งนอกจากสีขาวธรรมดาแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถเลือกเฉดสีที่แตกต่างกันไปได้ด้วย เช่น สีครีม ทำให้รู้สึกอบอุ่น
· สีฟ้า ปกติแล้วสีฟ้าทำให้รู้สึกมีพลัง แต่เฉดสีที่แตกต่างกันไปก็ให้ความรู้สึกที่หลากหลาย สีฟ้าอ่อนเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับเด็ก เพราะทำให้รู้สึกสงบมากกว่าสีฟ้าเข้มหรือสว่าง
· สีเขียว โดยเฉพาะสีเขียวอ่อน นอกจากจะมองแล้วสบายตา ยังทำให้เด็กรู้สึกสงบนอนหลับง่ายอีกด้วย
· สีชมพู สีม่วง และสีเหลือง หากใช้สีในกลุ่มนี้ควรเลือกโทนสีอ่อนเพราะจะทำให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หากใช้โทนสีที่สว่างสะดุดตาจนเกินไปจะทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายตาและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
· สีน้ำตาล เป็นสีที่ค่อนข้างได้รับความนิยมเพราะดูเรียบง่ายและกลมกลืนไปกับสีเอิร์ธโทน แต่หากใช้โทนสีเข้มมากเกินไปจะทำให้เด็กรู้สึกไม่สดใสเพราะห้องดูมืดทึมเกินไป
ส่วนสีที่ไม่แนะนำสำหรับห้องนอนคือสีส้มและสีแดง เพราะเป็นสีที่กระตุ้นความรู้สึกของเด็กมาก
เกินไป ทำให้หลับยาก เนื่องจากเป็นโทนสีที่สว่างมากไป แต่หากต้องการใช้ แนะนำให้ใช้ควบคู่กับสีแนวเอิร์ธโทนเพราะจะทำให้ได้สีที่สว่างดูเบาสบายตาขึ้น
ศิลปะกับสร้างพัฒนาการของเด็กด้วยสี
การใช้โมบายของเล่นที่มีสีสันสดใส ช่วยให้สมองเด็กน้อยได้รู้จักการพัฒนาและแยกสี |
คุณพ่อคุณแม่สามารถพัฒนาประสาทการรับรู้ด้านสีของเด็กได้ด้วยการตกแต่งห้องของเด็กหรือทารกด้วยภาพศิลปะต่างๆ รวมถึงแขวนโมบายของเล่นที่มีสีสันสดใสไว้ เพื่อให้สมองของเด็กได้รู้จักพัฒนาและแยกแยะสีต่างๆ ได้เร็วขึ้น ทั้งยังทำให้เด็กสามารถจดจำวัตถุต่างๆ ได้ดีขึ้นอีกด้วย เพราะเด็กจะแยกประเภทสิ่งของตามสีที่มองเห็น การเลือกสีผนังหรือเตียงนอนเด็กให้สำรวจตัวเองก่อนว่าเลือกสีโทนนี้แล้วเกิดความรู้สึกหรืออารมณ์อย่างไร มีพลัง สงบ หรือสบายตา เพราะเด็กก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับสิ่งที่เรามองเห็น หากเป็นเด็กวัยอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษา การให้เขาได้ฝึกระบายสีจะช่วยให้เด็กรู้จักกับสีเพิ่มมากขึ้น และรู้จักคิดว่าทำอย่างไรจึงจะผสมสีให้ได้สีใหม่ นอกจากนี้การระบายสีหรือวาดภาพยังเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เด็กใช้แสดงอารมณ์และความรู้สึกอย่างอิสระ บางครั้งเด็กไม่สามารถพูดอธิบายความรู้สึกของตนได้แต่ระบายออกมาผ่านการวาดภาพระบายสีแทน ทั้งยังเป็นการฝึกให้เด็กมีสมาธิยาวนานขึ้นอีกด้วย
เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว ต่อไปเวลาจะเลือกสีผนังหรือของเล่นต่างๆ ให้ลูกน้อย คุณก็สามารถใช้วิธีต่างๆ เหล่านี้เป็นเกณฑ์ในการเลือกผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้เจ้าตัวน้อยของคุณมีพัฒนาการที่สมบูรณ์สมกับวัยของพวกเขาเองครับ
แก้วน้ำใบโปรดอาจจะช่วยให้เด็กยอมทาน |
เกร็ดความรู้เรื่องสีสำหรับเด็ก
· เด็กบางคนไม่ยอมทานข้าวหรือดื่มนม แต่ยอมทานเมื่อใส่ในถ้วยหรือแก้วน้ำใบโปรด หากลูกของคุณไม่ยอมแตะอาหาร ลองสังเกตพฤติกรรมของพวกเขาและใช้วิธีนี้ดู
· ผู้ปกครองควรสอนให้เด็กรู้จักกับลักษณะและชื่อของสีต่างๆ ตั้งแต่พวกเขายังเด็ก โดยเริ่มจากแม่สีต่างๆ ทั่วไปก่อน จากนั้นจึงเริ่มฝึกฝนให้เด็กบอกสีที่ถูกต้องของวัตถุชิ้นนั้นๆ เพราะเด็กบางคนที่เรียกชื่อสีผิด อาจจะไม่ได้มีความผิดปกติด้านสายตา แต่อาจเป็นเพียงเพราะเด็กยังไม่รู้จักชื่อที่ถูกต้องของสีนั้น
· สีสามารถใช้แทนวัตถุหรือความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้นๆ การสอนให้เด็กรู้จักกับความแตกต่างของสีอาจทำได้ด้วยการกล่าวถึงฤดูกาลหรือความรู้สึกต่างๆ ว่าแทนสีอะไรได้บ้าง เช่น ด้านประสาทสัมผัส โดยทั่วไปสีแดงแทนความร้อนของไฟ ส่วนด้านความรู้สึก ในประเทศจีนสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี สำหรับวัฒนธรรมตะวันตกสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของความเศร้าหมอง เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น